ทริปนี้จะเป็นการรีวิวการไปเที่ยวแบบปุ๊บปั๊บทัวร์ ด้วยการนั่งรถไฟไทยครั้งแรกในชีวิตไปท่องเที่ยวยังจังหวัดพัทลุงกัน เนื่องด้วยเราเป็นคนจังหวัดที่ไม่มีรถไฟใดๆ เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาจึงไม่เคยมีโอกาสได้นั่งรถไฟไทยมาก่อนเลย และทริปนี้ก็ยังเป็นการไปเที่ยวจังหวัดพัทลุงเป็นครั้งแรกอีกด้วย ตามมาดูกันดีกว่า ว่าการซื้อตั๋ว และการเดินทางด้วยรถไฟไปยังพัทลุงจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
ก่อนอื่นที่เราจะเริ่มทริป เราได้จองตั๋วออนไลน์ผ่านเว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย พูดเลยว่าง่ายมากๆ เพียงสมัครเป็นสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ก็สามารถจองตั๋วรถไฟขบวนที่ต้องการ พร้อมทั้งเลือกวัน และที่นั่งที่ต้องการ จากนั้นก็สามารถชำระเงินผ่านเว็บไซต์ได้ทันที ส่วนช่องทางการชำระเงินก็มีให้เลือกจ่ายได้ตามสะดวก
โดยขบวนรถไฟที่เราเลือกจองนั้นเป็นขบวนด่วนพิเศษ CNR (China CNR Corporation Limited) ซึ่งเป็นขบวนใหม่ถอดด้าม ที่เพิ่งเริ่มวิ่งเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2559 นี้เอง รถไฟขบวนไฟใหม่นี้จะมีเพียง 8 ขบวน วิ่งไปยังภาคต่างๆ ทั้งหมด 4 สาย ได้แก่
- สายเหนือ ขบวนที่ 9 /10 (อุตราวิถี) กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ – กรุงเทพฯ
- สายตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนที่ 23/24 (อีสานวัฒนา) กรุงเทพฯ -อุบลราชธานี – กรุงเทพฯ
- สายตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนที่ 25 และ 26 กรุงเทพฯ-หนองคาย-กรุงเทพฯ
- สายใต้ ขบวนที่ 31 และ 32 กรุงเทพฯ-ชุมทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ
ขั้นตอนในการจองตั๋วรถไฟออนไลน์นั้นหลังจากที่เลือกว่าต้องการเดินทางไปที่ไหน ก็จะมีสายรถไฟที่มีในวันนั้นขึ้นมาให้เห็น ก็เลือกรถไฟขบวนใหม่ ประเภทด่วนพิเศษ CNR กันได้เลย
จากนั้นเว็บจะให้เราระบุตู้ โดยจะมีชั้น 1 แบบ VIP ราคาจะค่อนข้างสูง ส่วนทริปนี้เราเลือกแบบชั้น 2 ผู้โดยสารทั่วไป โดยที่นั่งของชั้น 2 นี้จะมีให้เลือก 2 ราคาที่ต่างกัน ได้แก่ เตียงบน ราคา 978 บาท และเตียงล่าง ราคา 1,078 บาท สะดวกนั่งตรงไหนก็เลือกที่นั่ง และดำเนินการต่อเพื่อชำระเงินได้เลย
หลังจากที่เราจอง พร้อมชำระเงินเรียบร้อย ระบบจะส่งตั๋วรถไฟไปยังอีเมลที่ลงทะเบียนไว้ ก็สามารถพิมพ์ออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ หรือถ้าใครไม่มีเครื่องปริ้น ก็สามารถเปิดไฟล์จากอีเมล ให้นายรถไฟตรวจสอบจากมือถือ ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ด้วยการจองตั๋วรถไฟออนไลน์เพียงเท่านี้ เราก็จะได้ตั๋วรถไฟพร้อมสำหรับการเดินทางเป็นที่เรียบร้อย ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ลุยกันเลยดีกว่าค่ะ
วันเดินทางเราต้องมาขึ้นรถไฟกันที่สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือสถานีรถไฟหัวลำโพงนั่นเอง การเดินทางก็สะดวกมาก สามารถนั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีหัวลำโพงก็ถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เราเดินเข้ามายังสถานีรถไฟหัวลำโพงกันแล้ว สามารถเช็คตารางเดินทางได้จากหน้าจอเพื่อตรวจสอบว่าขบวนรถไฟที่เราจะขึ้นนั้น มาจอดรถที่ชานชาลาหรือยัง และจะออกกี่โมง บรรยากาศภายในสถานีช่วงนี้ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ เนื่องจากเร็วๆ นี้จะมีการย้ายจุดขึ้นรถไฟทั้งหมดไปยังสถานีกลางบางซื่อ แต่ก็ยังมีอีกหลายขบวนที่ต้องใช้เวลาดำเนินการเพื่อย้ายไปยังสถานีกลางบางซื่อได้ทั้งหมดนะจ๊ะ ซึ่งทริปนี้เราโชคดีมากที่ยังได้มาเก็บบรรยากาศการขึ้นรถไฟครั้งแรกในบรรยากาศเดิมๆ ของสถานีรถไฟหัวลำโพงกันนั่นเอง
และเนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้การรถไฟงดบริการตู้เสบียง T T แอบเสียใจอยู่หน่อยๆ เพราะวางแผนไว้ว่าอยากจะมาเก็บบรรยากาศการสั่งอาหารและนั่งทานกันในตู้เสบียง เราเลยซื้ออาหารเตรียมขึ้นไปทานบนรถไฟเองตลอดการเดินทาง 15-16 ชั่วโมง
ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นรถไฟกันแล้ว ขบวนรถไฟสายนี้ยาวมาก ใครจองตู้เลขท้ายๆ ก็สบายหน่อย ใครจองเลขต้นๆ ต้องเดินไกลหน่อย อาจหอบได้เบาๆ ^_^ สภาพของรถไฟดูจากภายนอกยังดูใหม่มาก แม้จะทำการวิ่งมาแล้วถึง 4 ปีก็ตาม
เมื่อเดินเข้ามายังตู้รถไฟยิ่งประทับใจ ภายในดูใหม่ สะอาดตา ที่นั่งกว้างขวางไม่แออัด อุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เก้าอี้นั่งจะนั่งหันหน้าเข้าหากัน สามารถยกแผ่นไม้ตรงที่วางแก้วขึ้นมาเป็นโต๊ะสำหรับวางของ ทานอาหาร ใครมาเป็นคู่ก็สามารถนั่งสวีทกันได้ โดยเก้าอี้นั่งที่คู่กันนี้จะถูกระบุว่าใครนอนเตียงล่างหรือเตียงบน พอถึงเวลาแล้วรถไฟก็เคลื่อนตัวออกตามเวลาเป๊ะ
สำหรับใครที่มาใกล้เวลารถไฟออก แล้วไม่ได้เตรียมของกินมา แนะนำเมนูนี้เลยที่สถานีราชบุรี “ผัดหมี่ราชบุรี” สนนราคาที่กล่องละ 10 บาท จะถูกไปไหน กินกล่องเดียวไม่อิ่มนะ 2 กล่องกำลังดี รสชาติอร่อย ไม่ไก่กา แต่การซื้อจะต้องฝากพนักงานที่ดูแลตู้ซื้อให้นะจ๊ะ เพราะรถไฟขบวนนี้จะไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารลงจากขบวน และไม่ให้แม่ค้าเดินขึ้นมาขายของบนขบวนเหมือนรถไฟขบวนอื่นๆ ใครที่หวังว่าจะได้ลงไปเดินซื้อ หรือเรียกซื้อของจากแม่ค้าตามสถานีเหมือนสมัยก่อน ก็พับโปรเจคไปก่อนเลยจ้า
พอเริ่มตกเย็นใครที่ต้องการจะเอนหลังก็สามารถเรียกพนักงานให้มาปูเตียงได้ ผ้าปูสะอาด ซักใหม่ทุกครั้งหลังการใช้งาน ภายในเตียงสามารถนอนเหยียดได้สบาย จะชาร์จแบตโทรศัพท์ ดูหนังฟังเพลง ปิดม่านแล้วก็เหมือนพื้นที่ส่วนตัวของเราดีๆ นี่เอง เชื่อว่าการเดินทางแบบไหนก็ไม่ชิลเท่าการนั่งรถไฟแบบนอนอย่างแน่นอน
หลังจากที่เรานั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ มาประมาณ 16 ชั่วโมง ก็ถึงพัทลุงอย่างสวัสดิภาพ เวลาก็ดีเลย์ประมาณหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากมีบางช่วงที่รางรถไฟถูกน้ำท่วม จึงทำให้ไม่สามารถทำความเร็วได้
การรีวิวการนั่งรถไฟไทยครั้งแรกในชีวิต โดยรวมแล้วค่อนข้างประทับใจ เพราะยังไม่เคยได้บรรยากาศแบบนี้มาก่อน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ กับการเดินทางแบบชิลๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่เร่งรีบ ดื่มด่ำกับบรรยากาศข้างทาง แถมได้นอนสบายๆ พักผ่อนยาวๆตลอดการเดินทาง ตื่นมาก็ถึงที่หมายพอดี สำหรับใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับรถไฟขบวนใหม่ จองออนไลน์ง่ายๆ แนะนำเลยค่ะ การเดินทางยังไม่จบเพียงเท่านี้ ถึงพัทลุงกันแล้วก็ต้องเที่ยว!!!! พัทลุงจะมีที่เที่ยวที่ไหนน่าสนใจกันบ้าง รอติดตามรีวิวถัดไปกันเลยจ้า ^^