วาสสสซาบบบ..และนี่คือเสียงของเด็กเน๊กซ์ เน็กซ์แอริย๊ะเว็บที่จะพาทุกคนไปลุยทุกที่กับแกงค์พี่น้องคนละท้องเดียวกัน
สวัสดีค่า หนุกหนิงเด็กเน็กซ์รายงานตัว ใครที่เปิดมาเจอแผนเที่ยววันที่ 2 อยากกลับไปดูแผนเที่ยววันที่ 1 คลิกตรงนี้ได้เลยค่ะ ส่วนคนที่ตามมาจากยูฟูอิน ตอนนี้เรามาถึงสถานีฮากาตะกันแล้ว เวลาใกล้เที่ยงแต่ยังไม่เจอแดดเลย ร่มต้องพกไว้ตลอดเวลา น้องชายเริ่มหาร้านกาแฟส่วนพี่ก็หามื้อเที่ยงเบาๆ สุดท้ายจบที่ร้านนี้ค่ะ Cafe & Bar CROSS POINT พิกัดคลิกตรงนี้ มีเซ็ตเมนูสำหรับคุณผู้หญิงที่ราคาไม่แพง แถมขนมหวานให้อีก ที่สำคัญรสชาติกลมกล่อมทุกเมนู (เหมือนมาได้เวลาโปรโมชั่นช่วงเที่ยงพอดี) บรรยากาศโดยรวมดี พนักงานยิ่งดี๊!! มีความเป็นส่วนตัว เห็นวิวสถานีรถไฟ สรุปใครมาฟุกุโอกะแวะมานั่งชิลล์คุ้มมากๆค่ะ
แผนเที่ยววันที่ 2 เที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ – ปั่นจักรยาน – ชมดอกไม้ ที่ Uminonakamichi Seaside Park
อิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World และสวนดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ อุมิโนะนะคะมิจิ (Uminonakamichi Seaside Park) นั่งรถไฟจากสถานี Hakata ไปลง Uminonakamichi Station ประมาณ 50 นาที ถึงแล้วเดินข้ามรางรถไฟมาก็จะเจอสวนซากุระที่ใบร่วงเกือบหมดแล้ว แต่ยังรู้สึกได้ถึงความอลังการณ์ ถ้ามาเจอตอนชมพูบานสะพรั่งจะสวยขนาดไหน
เดินข้ามไฟแดงมาอีกนิดก็จะเจอทางเข้าพิพิธภัณฑ์ มีน้องกีกี้โลมาเล่นลูกบอลรอแบบนี้เลยค่ะ แต่เรายังไม่เข้าไป ขอแวะไปปั่นจักรยานชมดอกไม้ก่อนสัก 1 – 2 ชม. (ขึ้นอยู่กับความอึดส่วนบุคคลเลย ณ จุดๆนี้)
เดินเลาะมาทางด้านขวา ผ่านร้านไอศกรีม เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอทางลอดเขียนว่า Wonder world gate เห็นไกลๆอย่างกับอุโมงค์กัลลิเวอร์ อุโมงค์ย่อขยายส่วนของโดเรม่อน >< อย่างที่เห็นจะมีทางเข้าออก 2 ช่อง สำหรับช่องคนเดิน และช่องสำหรับจักรยานชัดเจน งานละเอียดอีกแล้วค่ะท่าน รู้สึกปลอดภัยสบายใจทุกย่างก้าว
ค่าตั๋วเข้าสวนสาธารณะคนละ 450 เยน และค่าเช่าจักรยาน 3 ชม. อีกคนละ 500 เยน (กดซื้อตั๋วเองที่ตู้หน้าทางเข้าได้ทั้งหมด เตรียมเงินสดไปด้วยนะคะ) จากจุดรับจักรยานปั่นไปทางซ้ายประมาณ 2 กิโลเมตร จะเจอจุดจอดจักรยานเพื่อเดินเข้าไปชมดงดอกไม้ได้ตามอัธยาศัย มีทั้งทิวลิป กุหลาบ ทุ่งดอกสีฟ้าเนโมฟิลลา (Nemophila) ละลานตาไปหมด สักพักเริ่มมีฝนตกปรอยๆให้ตื่นเต้น หลังจากถ่ายรูปหนำใจก็รีบปั่นจักรยานไปคืนแล้วรีบเดินกลับไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันต่อค่ะ
เหลือเวลาอีก 1 ชม.ก่อนพิพิธภัณฑ์จะปิด ซื้อตั๋วด้านหน้าคนละ 2500 เยน เดินวนตามหมายเลข 1-10 หรือจะเดินไปดูการแสดงน้องโลมาด้านในก่อนก็ได้ จะมีเวลาเปิดตามรอบ (รอบสุดท้าย 4 โมงเย็นจ้า) มาถึงน้องโชว์เสร็จพอดี เลยได้แต่เล่นกับน้องขอบๆสระ
ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะยิ่งตกอยู่ในโลกใต้ทะเล ที่นี่มันที่ไหนทำไมสวยจังเล้ย ยิ่งเห็นตัวที่เรืองแสงได้ยิ่งน่าค้นหา พอมีเสียงเด็กๆร้องตื่นเต้นที เราก็เดินไปดูทีมีอะไรกัน อ่อเต่า อ่อปลาการ์ตูน บอกตัวเองเราจะตื่นเต้นหมดทุกอย่างไม่ได้นะ 55 แต่ละอย่างล้วนมีประวัติศาสตร์ที่มาที่ไป อย่างกระดูกปลาวาฬส่วนหัวที่ใหญ่มากๆ ถ้ามาทั้งตัวจะขนาดไหน เด็กๆที่มาที่นี่น่าจะได้เห็นคุณค่าและรู้จักอยู่ร่วมกับธรรมชาติต่อไปนานๆเล้ย
พิพิธภัณฑ์เริ่มเปิดเพลง wakare no warutsu (ทำนองเพลงสามัคคีชุมนุม) เป็นการบอกว่าใกล้เวลาปิดพิพิธภัณฑ์แล้ว ต้องรีบโบกมือลาน้องๆของเราทุกตัว แล้วก็รีบมาหยอดกาชาปองตรงหน้าทางออก เก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย (จัดไปอย่าให้เสีย)
18.30 เดินทางกลับสถานีฮากาตะ ไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ตั้งแต่เมื่อวานยังจำกันได้บ่ แล้วไปเช็คอินเข้าที่พักคืนนี้กันก่อน ค่ำๆออกไปหาของอร่อยๆทานแถวย่านเทนจิน หรือจะย่านยะไตกันค่ะ
คืนนี้พักกันที่นี่ค่ะ TRIP POD HIGASHI-HIE พิกัดคลิกตรงนี้ ห่างจากฮากาตะแค่ 1 สถานี ชื่อว่า HIGASHI-HIE Station ก่อนออกจากสถานีดูป้ายว่าประตูไหนมีลิฟท์แนะนำให้ออกทางนั้นได้เลย ก็จะสะดวกกับคนที่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างเรา หรือจะเป็นทางออกที่มีบันไดเลื่อนก็ได้ ซึ่งสถานี HIGASHI-HIE Station มีทั้งบันไดเลื่อนและลิฟท์อยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่พัก ต้องเดินข้ามถนนนิดนึง
เก็บของเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปหาของกินกันเลยที่สถานี Tenjin-minami Station ตลอด 2 ข้างทางนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นที่เพิ่งเลิกงาน มีร้านปิ้งย่าง ร้านอิซากายะเต็มไปหมด เดินๆอยู่หันไปเห็นซูชิราคาคำละไม่ถึง 60 บาท เดินไปอีกเจอข้าวหน้าแกงกะหรี่ เดินจนถึงสะพานเจอเทพีใส่แว่นชิคๆรับบริจาคอยู่ก็ไม่รอช้าขอถ่ายรูปสักกำ นางเห็นเรามา 3 คนเลยให้จูปาจุ๊ปส์มา 3 อัน ใจดีสุดๆ เดินต่อไปอีกนิดเจอร้านยะไต เป็นซุ้มขายอาหาร เช่น โอเด้ง ราเมน กับแก้ม เครื่องดื่ม แต่ตอนไปถึงที่นั่งไม่พอสำหรับ 3 คน เลยกลับไปสั่งซูชิกลับบ้าน แล้วนั่งทานแกงกระหรี่ในร้าน Coco Ichibanya Hurry House พิกัดคลิกตรงนี้ บอกเลยว่าร้านนี้เด็ดเรื่องรสชาตกลมกล่อม ข้าวหอมนุ่ม สลัดใส่ซอสเผ็ดนิดๆ หมดเกลี้ยงทั้ง 3 จาน
ฝากไว้ให้คิด…รู้สึกตัวตอนจะจ่ายตังค์..กระเป๋าสะพายหาย?
เหตุเกิดตอนแวะซื้อซูชิกลับบ้าน วางกระเป๋าสะพายไว้ที่เก้าอี้นอกร้าน มีน้องๆนั่งรออยู่ใกล้ๆ ส่วนเราถือกล้องเข้าไปอย่างเดียว ถ่ายเชฟแบบเอ็กคลูซีฟ พอได้ซูชิแล้วก็กวักมือเรียกน้องๆไปกินข้าวแกงกะหรี่ แล้วลืมกระเป๋าไว้ที่เดิม!! (เนี่ยความหิวเป็นเหตุ) ผ่านไปเป็นชม.จนกินแกงกะหรี่เสร็จ เดินย้อนกลับไปดู….น้องยังวางอยู่ที่เดิม ไม่มีใครเก็บ ไม่มีใครยุ่งกับกระเป๋าเราเลย หลังจากนั้นก็สะพายตลอดเวลาไม่กล้าวางแล้วจ้า เกือบจะหมดสนุกตั้งแต่วันที่ 2 แล้ว ถามว่ากลัวไหม? ตอบเลยว่าไม่ 55+ ต้องยอมรับว่าที่ญี่ปุ่นเรื่องลืมของแล้วได้คืนเอาไปเลย 80% ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่โซนไหน ถ้าไปโซนที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ ยังไงไปกันหลายคนก็ช่วยกันดูก่อนออกจากร้าน จากที่พักให้ดีด้วยนะคะ ^^
กลับถึงที่พักอย่างสบายใจ โล่งใจ บวกถอนหายใจ 55+ จบการเดินทางวันที่ 2 แบบยังไม่เจอแดดเลยตั้งแต่ออกจากสนามบิน พรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่นเช้ามากค่ะเพราะเรามีรถไฟชิงคันเซนรออยู่ ได้ฤกษ์ใช้บัตร JR Rail Pass วันแรกกันแล้ว ก่อนจากกันวันนี้เด็กเน็กซ์ขอลาไปด้วยภาพซูชิเซ็ต 3500 เยน จากร้าน Sushi Shougun Standing Suhi Bar พิกัดคลิกตรงนี้ ที่ซื้อกลับมากินต่อที่ห้อง อิ่มกันแบบจุกๆไปเลยจ้าแม่ แล้วเจอกันใหม่พรุ่งนี้ที่โอซาก้า บัยยย