[เน็กซ์แอริย๊ะ] วันที่ 1 – แผนเที่ยวญี่ปุ่น 10 วัน แบบมีตั๋ว JR Rail Pass 7 วัน เริ่มที่ฟูกุโอกะ – โอซาก้า – โตเกียว – ขับรถเล่นรอบภูเขาไฟฟูจิ – จบทริปฟูกุโอกะ

วาสสสซาบบบ..และนี่คือเสียงของเด็กเน๊กซ์ เน็กซ์แอริย๊ะเว็บที่จะพาทุกคนไปลุยทุกที่กับแกงค์พี่น้องคนละท้องเดียวกัน


สวัสดีค่า หนุกหนิงเด็กเน็กซ์รายงานตัว ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อน หรือญาติพี่น้องประมาณ 3-4 คนลองแวะมาคุยกันตรงนี้ก่อน ทริปนี้หนิงกับน้องๆ รวมทีมครบ 3 คน เป็นครั้งที่สอง รอจังหวะน้องชายลางานยาวได้ช่วงสงกรานต์ไปเลย 10 วัน รีบจองตั๋วตั้งแต่ต้นปี 66 (บางคนจองตั้งแต่ 65) ซึ่งปี 2566 เป็นโอกาสดีหลังจากที่เงื่อนไขต่างๆในการเข้าประเทศญี่ปุ่นเริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติทำให้เที่ยวเองง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ

หลักๆ 4 อย่างที่เราต้องเตรียมให้พร้อมก็คือ ตั๋วเครื่องบิน, พาสปอร์ต, ที่พักในญี่ปุ่น, ผลรับรองฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มล่าสุด (International COVID-19 Vaccination Certificate) ที่สามารถขอทางแอพหมอพร้อมได้เลย แล้วนำไปลงทะเบียน Visit Japan ล่วงหน้า ทีมเราจะแคปรูป QR Code ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยไว้ในมือถือหลังรอผลไม่เกิน 1 วัน เพื่อยื่นให้ตม.ดูได้เลย โดยสังเกตหน้าเว็บจะเปลี่ยนจากกรอบสีชมพูเป็นกรอบสีฟ้า แนะนำ คลิกทำตามลิงค์นี้ ทำผ่านแน่นอนค่ะ

หนิงและน้องๆจองเที่ยวบินตรงกับ Thai Vietjet Air ทั้งไปและกลับ จากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงฟูกุโอกะ และฟูกุโอกะกลับสุวรรณภูมิ , ซื้อตั๋วออนไลน์ JR Kyushu Rail Pass 3 วัน และ JR Rail Pass 7 วัน (นั่งกันให้ตะคริวขึ้น นั่ง JR ได้ทั่วประเทศ) จะได้ตั๋วหน้าตาแบบรูปด้านล่างมาส่งที่บ้านไม่เกิน 1 สัปดาห์ แต่ยังใช้งานไม่ได้จนกว่าจะไปแลกบัตรจริงที่สถานีรถไฟที่ญี่ปุ่นนะคะ

เริ่มออกเดินทางวันที่ 5 เมษายน เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ถึงสนามบินฟูกุโอกะ 8 โมงเช้าตามเวลาที่ญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินทาง 5 ชม.นิดๆค่ะ ระหว่างอยู่บนเครื่องบินก็หลับๆตื่นๆ น้องสาวเรียก “พี่หนิงๆๆ เจอพระจันทร์แล้ว” ตอนนั้นพูดเลยว่ามึนๆหูก็อื้อๆ แต่ก็รีบหยิบโทรศัพท์ Samsung S22 Ultra มาส่องพระจันทร์ และที่ต้องรีบกว่าเดิมคือ ทางด้านขวาพระอาทิตย์ขึ้นสว่างแล้วจ้า แต่ทางซ้ายยังมืดสนิทอยู่ นี่เราอยู่สองเวลาพร้อมกันเหรอเนี่ย ใครมีกล้องซูม 100 เท่า 200 เท่าลองเล่นดูกันได้ ><


แผนเที่ยววันที่ 1 แลกตั๋ว JR – พักที่เมือง Yufuin (ยูฟูอิน)

วันแรกเป็นวันที่ต้องทำใจเรื่องการรอ..รอ..แล้วก็รอ ตั้งแต่รอเข้าแถวออกจากสนามบิน เดินไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อออกจากสนามบินไปลงที่สถานี Hakata (ฮากาต๊ะ) จริงๆมีรถบัสที่ไปลงสถานีรถไฟใต้ดิน ต่อรถไฟไปลงสถานี Hakata แต่เรา 3 คนอยากรอรถบัสต่อเดียวเพื่อไปลงสถานีฮากาตะเลยยอมรอนานหน่อย แต่ละรอบห่างกันประมาณครึ่งชม.ได้ค่ะ (ของเราโชคดีรอประมาณ 15 นาที รอเป็นคนแรกๆก็ดีนะ มีที่วางกระเป๋าเดินทาง) จุดซื้อตั๋วรถบัสอยู่ติดกับประตูทางออก 4 เลยค่ะ เตรียมเงินสดไว้ให้พร้อมเป็นแบบตู้หยอดเหรียญ/แบงค์ คนละ 270 เยน ได้ตั๋วแล้วก็ยืนรอที่ป้ายรถบัสหมายเลข 2 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที

ถึงสถานีฮากาตะราวๆ 10 โมงกว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือรอแลกตั๋วรถไฟ JR Kyushu Rail Pass ซึ่งเราจะใช้ตั๋วนี้ เที่ยว 3 วันแรกในฟูกุโอกะค่ะ คุณพระดูแถวสิคร้าา!! ใช้เวลาต่อแถวนานเกือบ 2 ชม. นานมากแม่ T^T จะมีเจ้าหน้าที่เดินขอดูตั๋วที่เราซื้อออนไลน์มา ใครมาด้วยกันจะให้รอด้านในคนเดียวฝากพาสปอร์ตของเพื่อนไว้กับเราได้เลย ส่วนน้องเราก็ไปนั่งกินขนมปังรอสบายใจ

หน้าตาตั๋ว JR Kyushu Rail Pass จะคล้ายๆกับ JR Rail Pass หรือตั๋ว JR ทั่วไปเลยค่ะ เป็นกระดาษเงามันใบเล็กๆสำหรับเสียบเข้าไปในช่องใส่ตั๋วได้ เพราะฉะนั้นต้องเก็บไว้ให้ดีเลยนะ จะใส่ไว้หลังเคสโทรศัพท์หรือในพาสปอร์ตก็ได้

ระหว่างที่แลกตั๋ว JR Rail Pass ก็ไม่ลืมแลกตั๋ว Yufuin no mori ไปเลย เราจองออนไลน์แบบเลือกที่นั่งไว้รอบบ่ายสอง สรุปแล้วต่อแถวเข้าไปทีเดียวได้ออกมา 3 ใบรวดเลยจ้า เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก บ่ายโมงแล้วรีบหาอะไรรองท้อง หาที่ฝากกระเป๋า ก่อนนั่งรถไฟสายธรรมชาติที่สวยงามตลอด 2 ข้างทางกันเล้ย


มื้อแรกตอนบ่ายโมง ไก่ทอดร้อนๆ ข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ซดซุปร้อนๆ สุโก่ย
ล็อกเกอร์ถูกควบคุมด้วยจอโซนใครโซนมัน ถ้าเห็นคนอื่นกำลังใช้จอโซนเดียวกับเราอยู่..ให้รอก่อน รอจนเขาจ่ายเงินเสร็จ จอว่างแล้วค่อยล็อกตู้นะคะ

เวลา 14.38 คือเวลาตามกำหนดออกเดินทาง รถไฟมาถึงก่อนประมาณ 4 นาที เพื่อทำความสะอาดและให้ผู้โดยสารขนสัมภาระลง และคนที่รอขึ้นใหม่เข้าไปนั่งให้เรียบร้อย

เราจองไว้ตู้ที่ 4 เกือบสุดท้าย จากทั้งหมด 5 ตู้ เพราะอยากนั่งเงียบๆชิลๆ ส่วนใหญ่คนจะเดินถ่ายรูปกันเยอะที่ตู้ 3 เพราะเป็นจุดขายของและมีโซนถ่ายรูปเห็นด้านนอกแบบชัดๆ เรียกว่าเป็นรูมเซอร์วิสสำหรับนักท่องเที่ยวนั่นเอง

ระหว่างเดินทางจะมีพนักงานสาวสวยออกมาอธิบายถึงสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ตลอด 2 ข้างทาง มีชาวบ้านโบกมือให้ นี่ก็อดใจไม่ไหวโบกมือกลับ 55+ ได้อมยิ้มกันไประหว่างทาง ^^ รวมถึงมีบริการถ่ายรูปฟรีกับป้ายรถไฟ Yufuin No Mori ตามรูปด้านล่างไว้เป็นที่ระลึก แม้หน้าตาจะอิดโรยจากการนอนน้อยแต่นอนนะบนเครื่องบิน แต่อีกนิดเดียวค่ะทุกคน (ประมาณ 2 ชม.กว่า) ก็จะถึงปลายทางหมู่บ้านยูฟุอิน ให้เราได้แช่บ่อน้ำร้อนท่ามกลางภูเขา มีปิ้งย่างสุดฟิน ได้ใส่ชุดยูกาตะ กระโจนใส่ที่นอนพร้อมผ้านวมอุ่นๆแล้ว

แต่สิ่งแรกที่เจอหลังจากลงรถไฟก็คือ…ฝน! มาตามพยากรณ์เป๊ะ! อยากจะร้องเพลง Mamma Mia! ถึงอย่างนั้นก็ยังชอบอากาศเย็นๆ สบายๆ ในเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยหุบเขา ลำธาร วันนี้เราอาจจะเก็บภาพได้ไม่เต็มที่ ภาวนาให้ฝนหยุดตกเร็วๆด้วยนะคร้า

มุมมหาชน ในวันฝนตกปรอยๆ
ภาพซ้ายเป็นด้านหน้าสถานีรถไฟ Yufuin ค่ะ ภาพขวาเดินไปเช็คอินที่พักกันก่อนจ้า

เดินเล่นไปสักพัก ไปเจอซุ้มม้านั่ง มีเสาไฟสูงๆ 1 ต้น ทำให้นึกถึงโตโตโร่ออกมายืนรอรถบัสถือร่มวันฝนตก เลยได้ฟิลอยู่ในการ์ตูนจิบิไปอีก ที่สำคัญที่เมืองยูฟูอินมีร้านขายของที่ระลึกสำหรับคนรักโตโตโร่โดยเฉพาะ เปิดประมาณ 10 โมงเช้า ปิด 5-6 โมงเย็น มาแล้วอินแน่นอนค่ะ

ขอบคุณภาพซ้ายจาก Netflix ค่ะ รูปขวาชะเง้อมองรถเมล์สาย 8
ต้นซากุระทำให้ไม่อยากมูฟออนจากจุดนี้เลย เด่นอยู่ต้นเดียวตรงนี้เลย

ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้วไปหาร้านปิ้งย่างที่มาแล้วไม่กินไม่ได้ นั่นก็คือร้าน Wasaku พิกัดคลิกตรงนี้ ของดีในตำนาน โดยเฉพาะเนื้อ A5 ส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อมีทะเล มีไก่ มีหมูให้เลือก ลองสั่งเบียร์ดำก็มีความเฉพาะตัว ปกติถ้าไป 1-2 คนอาจจะได้นั่งเคาเตอร์ นั่งปิ้งแยกเตาชิลล์ๆ แต่รอบนี้ไป 3 คนได้นั่งบนพื้นมีโต๊ะเล็กด้านใน มีความญี่ปุ่นขึ้นมาอีกสเต็ป พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ก็แนะนำเมนูกันไปหลายชุด (คนไทยไปกันเยอะเผลอๆพูดไทยได้ แซวๆ 🙂 แล้วเมนูทั้งหมดที่สั่งก็หมดลงแบบอิ่มพอดี มันพอดีคำได้อรรถรส สมราคา

สำหรับใครที่ยังมีแรงกินต่อได้อีก แนะนำแวะ Lawson ยังเป็นที่พึ่งยามดึกได้เสมอ มารอบนี้ก็เจอของหวาน เป็นพุดดิ้งที่อยากบอกต่อว่า “อาโหร่ยยยยยยมากกกแม่” กลมกล่อม กลมใจ นัวเนียนตั้งแต่คำแรก

อิ่มแล้วก็ได้เวลาแช่ออนเซ็น ที่พักของเราชื่อว่า Yufuin Onsen Oyado Jinnouchi พิกัดคลิกตรงนี้ มีทั้งบ่อ In door และ Out door เป็นแบบส่วนตัว มีม่านกั้น มีประตูล็อก เราก็เลือกแบบธรรมชาติที่สุดไปเลย ก่อนลงบ่ออย่าลืมล้างตัวให้สะอาดก่อนนะคะ ตอนนี้บรรยากาศกำลังดี มีฝนลงเม็ดนิดๆ โรแมนติกคนเดียวไปอีก บ่อน้ำใสเหยียดขาได้พอดี (หามุมตามสะดวก) เงยหน้ามองดาว จากอาการหนาวสั่นก็ร้อนวูบวาบชาไปทั้งตัว มันสบายบอกไม่ถูก ลืมความล้าที่ต้องยืนต่อแถวหรือเดินทางตลอดทั้งวันลงทันที แช่สัก 10-15 นาทีก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำอีกรอบ รีบเข้านอนพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกลับฮากาตะด้วยรถไฟรอบ 9 โมงเช้า

หน้าที่พักของเรา
ด้านบนเปิดโล่งนอนมองดาวโรแมนติกสุดๆ

และก็จบลงกับวันที่ 1 ณ เมืองยูฟูอินฟูใจ ต้องขอขอบคุณคุณลุงคุณป้าเจ้าของที่พัก ที่จัดเตรียมอาหารรอไว้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าตามเวลานัด ทำให้เราไปขึ้นรถไฟทันเวลาแบบสบายใจ อาหารก็จัดเต็มฟูลฟังก์ชั่นทั้งคาวหวาน มีผู้ช่วยเป็นน้องแมวทำหน้าหิวใส่ตลอดเวลา 55+ ก็ขนาดคนยังอดใจรอไม่ไหวว่าจะมีเมนูอะไรมาเสริฟบ้าง และนี่ก็คือเมนูเช้านี้ของเรา ขอลาเด็กเน็กซ์ทุกคนไปด้วยภาพนี้แล้วเจอกันที่ฮากาต๊ะ ลุยเที่ยวกันต่อตามแผนวันที่ 2 บัยยย..