Winnie The Pooh จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังมีภาพแรกที่นำ หมีพูห์ ในวัยเด็กของเราไปสร้างภาพยนตร์สยองขวัญซะแล้ว หลังจากกลายเป็น สาธารณสมบัติ (public domain) ไปเมื่อต้นปี
ภาพแรกได้รับการเผยแพร่จาก Winnie The Pooh: Blood And Honey เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ กำกับโดย Rhys Frake-Waterfield และนำแสดงโดย Amber Doig-Thorne, Maria Taylor, Danielle Scott, Danielle Ronald, Chris Cordell และ Craig David Dowsett รับบทเป็น Winnie
ในภาพแรกจาก Jagged Edge Productions พูห์ดูเหมือนจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ดุร้ายและถือค้อนขนาดใหญ่ พร้อมกับ Piglet ที่ยืนอยู่ข้างเขาอย่างน่ากลัว อยู่ด้านหลังหญิงสาวที่นุ่งน้อยห่มน้อยกำลังพักผ่อนอยู่ในอ่างน้ำร้อน และในภาพต่อไปมีคำว่า “ออกไป – GET OUT” ที่เขียนอยู่บนหน้าต่างด้วยเลือดอีกด้วย
ตาม IMDB ของภาพยนตร์เรื่องนี้อธิบายว่าเป็น “การเล่าเรื่องสยองขวัญของตำนานที่มีชื่อเสียงของวินนี่เดอะพูห์” คาดว่าจะออกฉายในปลายปีนี้
Original Ver. สร้างสรรค์โดยผู้เขียน A.A. Milne และนักวาดภาพประกอบ E.H. วินนี่เดอะพูห์ในเชพเพิร์ดในปี 1926 กลายเป็นสาธารณสมบัติ (public domain) เมื่อต้นปีนี้ อนุญาตให้ทุกคนใช้ตัวละครในสื่อสร้างสรรค์โดยปราศจากกฎหมายลิขสิทธิ์
เรื่องราวของ Winnie The Pooh: Blood And Honey
เรื่องย่อสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้มีอยู่ว่า “ผู้อยู่อาศัยในเมืองที่ห่างไกลในแคลิฟอร์เนีย ในหมู่พวกเขาเป็นเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ เจมส์ และจิล เฮย์วูด ได้เห็นเหตุการณ์ลึกลับและผิดปกติ”
ตามที่ Waterfield ผู้เขียนบทและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย จะเห็นหมีพูห์และพิกเล็ตเป็น ตัวร้ายหลักอาละวาด หลังจากที่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ทอดทิ้งพวกเขาไป และเขาไม่ได้ให้อาหารแก่พวกมัน มันทำให้ชีวิตของพูห์และพิกเล็ตค่อนข้างลำบาก เพราะพวกเขาต้องดูแลตัวเองอย่างมากจึงกลายเป็นคนดุร้าย จนต้องกลับไปสู่รากเหง้าของสัตว์ ที่ไม่มีความเชื่องอีกต่อไป พวกเขาเป็นเหมือนหมีและหมูที่ดุร้าย และพยายามไปรอบๆ เพื่อหาเหยื่อ”
Waterfield กล่าวว่า “ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการสร้างสมดุลระหว่างความสยองขวัญและความตลกขบขัน เมื่อคุณลองทำหนังแบบนี้ และมันเป็นคอนเซปต์ที่ประหลาดมาก มันง่ายมากที่จะไปตามเส้นทางที่ไม่มีอะไรน่ากลัว และมันก็ไร้สาระจริงๆ แบบว่างี่เง่า และเราต้องการทั้งสอง“
Waterfield จากผู้สร้าง Winnie The Pooh: Blood And Honey
สิ่งเดียวที่น่ากังวล ในการประชาสัมพันธ์ คือดิสนีย์จะออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับ Winnie The Pooh: Blood And Honey หรือไม่ แม้ว่าเรื่องราวแรกสุดของ Milne จะไม่อยู่ในลิขสิทธิ์แล้ว แต่ Disney ยังคงใช้การตีความของหมีพูห์และผองเพื่อนของเขาแต่เพียงผู้เดียว
Waterfield กล่าวว่า “เราพยายามใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง เรารู้ว่ามีเส้นแบ่งระหว่างสิ่งนั้น และเรารู้ว่าลิขสิทธิ์ของพวกเขาคืออะไรและทำอะไร ดังนั้นเราจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าภาพยนตร์นี้สร้างจากเวอร์ชันปี 1926 เท่านั้น“
“ไม่มีใครจะเข้าใจผิดเรื่องนี้ว่ามาจากดิสนีย์ เมื่อคุณเห็นหน้าปกของเรื่องนี้ และเห็นตัวอย่าง ภาพนิ่ง และทั้งหมดนั้น ไม่มีทางที่ใครจะคิดว่านี่เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเด็ก” เพราะนี่มันไม่ใช่หมีพูห์ในวัยเด็กของเราแล้วนะ ใครจะเข้าใจผิดกัน!
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหมีพูห์ของวอเตอร์ฟิลด์เปลี่ยนเสื้อยืดสีแดงตัวเล็กเป็นสูทคนตัดไม้ และพิกเล็ตก็สวมชุดสีดำ ยังมีตัวละครอื่นๆ ที่ยังมีลิขสิทธิ์อยู่ เช่น Tigger จะไม่ปรากฏ แม้ว่าจะมีฉากที่มีหลุมฝังศพของ Eeyore ลาที่น่าสังเวชถูกหมีพูห์และลูกหมูที่หิวโหยกิน
ส่วนดิสนีย์ก็ยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่เหมือนเดิมในเวอร์ชันของดิสนีย์เอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางดิสนีย์ได้ซื้อมาทำลิขสิทธิ์ของตัวเองแล้ว อย่างที่เราๆ เห็นหมีพูห์ใส่เสื้อยืดสีแดงนั่นเอง ในตัวละครที่ทางดิสนีย์ได้ออกแบบไว้ ก็จะไม่มีใครสามารถใช้รูปแบบนั้นได้ นอกจากจะได้รับการอนุญาตแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเจ้าของเสียก่อน
Winnie The Pooh: Blood And Honey ได้ใช้ต้นแบบจาก Winnie The Pooh 1926 ของ A.A. Milne ซึ่งได้หมดลิขสิทธ์ลง หรือเป็นสาธารณสมบัติ (public domain) ที่ไม่ได้ต้องได้รับการอนุญาตแล้ว เมื่อต้นปี 2022 นี้เอง
หลังจากที่ Winnie The Pooh ได้กลายเป็นสาธารณสมบัติแล้ว เราอาจจะได้เห็นหมีพูห์ในวัยเด็กของเรา ในแบบอื่นๆได้อีกด้วย ในเวอร์ชันนี้พบกับหมีพูห์สยองขวัญไปก่อน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก: variety.com/ nme.com/ becommon.co